วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559

หมายมั่นให้ลูกน้อยเติบโตอย่างองอาจในทุกๆวันถือเป็นความมุ่งหมายสูงสุดของผู้ที่เป็นแม่และพ่ออย่างมากมาย เวลาที่ลูกเจ็บไข้ หัวอกของพ่อแม่ก็แทบแตก

แต่การที่ลูกจะมีอนามัยดี และแข็งแกร่งนั้นก็มิได้จะปรากฏกับเด็กทั้งหมด เช่นกับน้องแอมป์บุตรสาวคนเล็กของคุณยุพาพร เด็กน้อยคนนี้มีอายุเพียงสองขวบเศษเท่านั้น ก็จำเป็นต้องพบกับโรคชั่วร้าย ล้มเจ็บเป็นก้อนเนื้องอกในช่องท้อง

“ค่ำคืนหนึ่งน้องเกิดจับไข้สูงถึง 38-40 องศา ต้องเร่งรีบพาส่งโรงหมอโดยฉุกละหุก ทีแรกเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2554 ครั้งก่อนนี้มีทีท่าท้องโต ปวดท้องอย่างไม่เบา อาการท้องผูก และอุจจาระแข็ง หมอขอทำการเจาะเลือด เจาะไขสันหลัง เพื่อค้นหาเนื้องอกและนำเลือดไปตรวจหาที่ห้องปฏิบัติการ”

“ผลการตรวจเจอมะเร็งในช่องท้องของน้อง มีความยาวประมาณ 8 เซนติเมตร กว้าง 5 เซนติเมตร จำเป็นต้องกรีดท้องเพื่อนำชิ้นเนื้อในท้องไปสืบสวนเพื่อค้นหาคำตอบ ช่วงนั้นหมอก็แจ้งกับคุณยุพาพร ผู้เป็นแม่ให้ปล่อยวางใจเอาไว้ว่าชิ้นเนื้อที่พาไปพิจารณานั้น อาจจะเป็น เนื้อร้าย 80% สิ้นเสียงแพทย์เสมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของคนเป็นแม่”

“ดิฉันทำได้แค่พยักหน้าแล้วอุ้มลูกมาโอบกอดไว้ที่อก ลูกเองก็สวมกอดแม่เอาหน้าซบไหล่ ได้แต่พูดในใจว่าลูกยังผู้เยาว์นักเกิดมาได้ 1 ปี 6 เดือน ต้องพรากกันแล้วเหรอ แล้วกล่าวกับตัวเองว่าน้องยังตายมิได้แม่จะทำทุกสิ่งเพื่อขอให้ลูกมีชีวิตอยู่ เมื่อถึงที่พักก็ไม่เปิดปากกับใครได้แต่สวดมนต์ไหว้พระจนพ่อของน้องโทรมาหาดิฉัน ดิฉันคุยไปร้องไห้ร้องห่มไปจนปวดศรีษะ พ่อน้องบอกว่ายังไงก็ต้องดูแลรักษา”

ผลวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการถูกนำมาในเวลาบ่ายของวันเดียวกัน ปรากฏว่าชิ้นเนื้อที่เอาไปตรวจหานั้นไม่ใช่เนื้อร้าย แต่ก็ต้องรีบทำการบำบัดรักษาด้วยการให้เคมีบำบัด

“การให้เคมีบำบัดครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม ทำเอาเส้นของน้องระเบิด เป็นไข้ และเกล็ดเลือดตกต่ำ แพทย์ทำการพิจารณาสแกนกระดูก เมื่อกลับพักดูแลตัวที่บ้าน ดิฉันกับสามี ต้องช่วยกันฉีดยาสลายลิ่มเลือดให้ลูกทุกเมื่อเชื่อวัน ลูกก็ยังต้องทานยาลดความดันสูงทุกวัน”

“ช่วงที่ทำเคมีบำบัดผิวของน้องเริ่มดำคล้ำ เล็บมือและเล็บเท้าก็ดำคล้ำ ปากซีดเผือด หน้าเซียว ผมก็คล้ายคลึงกับต้นหญ้าแห้งไหม้ ผิวเหี่ยว เพียงแค่ย่างก้าวก็ไม่มีแรง รับประทานอาหารได้บางเบา และเขาจะร้องไห้ร้องห่มกลัวคนแปลกหน้า โดยเฉพาะคุณหมอและนางพยาบาล”

แม้นจะอยู่ในช่วงเวลาความทุกข์ใจของญาติพี่น้อง เรื่องราวที่ดีก็ปรากฏพอให้ทั้งหมดในบ้านมีแรงใจขึ้นมามั่งไม่มากก็น้อย เมื่อเพื่อนละแวกบ้านแนะนำน้ำแอคทิเวท ให้กับน้องได้ลองดูดื่ม

“หลานของเพื่อนแถวบ้านคนนี้เป็นโรคSLEและได้นำน้ำดื่มแอคทิเวท (Activated Water)มาดื่มพร้อมด้วยใช้อาบน้ำ ผลสรุปคือหลานมีอาการบรรเทายิ่งนัก จากเหตุการณ์นี้จึงตัดสินใจให้น้องดื่มน้ำแอคทิเวท ควบคู่ไปกับการรักษา ตั้งแต่ตอนให้คีโมหนแรกตอนกุมภาพันธ์ 2554”

“ฉันยังให้ลูกดื่มน้ำดื่มแอคทิเวท ไปกับการให้เคมีบำบัดโดยไม่ยอมให้ดื่มน้ำอื่นอีกเลย และต่อมาทุกครั้ง ที่จะทำการทำคีโมก็จะต้องเจาะเลือดทุกหน ผลสรุปเลือดออกมาว่าเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดอยู่ในเกณฑ์ปรกติดี ไม่ต้องให้ยาเสริมใดๆ เลย มากกว่านั้นฉันยังปลื้มใจอย่างยิ่งเมื่อผลลัพธ์การเอ็กซเรย์ และการสแกนกระดูกเป็นโดยปกติ”

ผลการเอ็กซเรย์ CT สแกน หรือคอมพิวเตอร์ความเร็วสูงครั้งที่ 2ทำหลังจากหนแรก 6 สัปดาห์ ตอนนี้ผ่านการทำคีโมครั้งที่ 1 และให้น้องดื่มน้ำแอคทิเวท ไปแล้ว พบว่าก้อนเนื้องอกในท้องลดน้อยลงจากโดยประมาณ 8 เซนติเมตร เหลือ 6 เซ็นติเมตร
ผลลัพธ์การเอ็กซเรย์ CT สแกนครั้งที่สาม หลังจากครั้งที่ 2 12 อาทิตย์ เนื้องอกในท้องหดเหลือประมาณ 3 ซม.
ผลการเอ็กซเรย์ CT สแกนครั้งที่สี่ ภายหลังครั้งที่สาม 16 สัปดาห์ กำลังรอคอยผลจากแพทย์เพื่อรอการผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออกให้จบ

“น้องมีเม็ดเล็กๆขึ้นใบหน้าเหมือนกับกลากน้ำนมขึ้นที่แก้ม บางครั้งทานขนมแล้วเปรอะหน้ามีเม็ดขึ้น ดิฉันก็นำเอาผ้าชุบน้ำ ACTIV120 มาเช็ดหน้าให้เขา ผดผื่นก็ค่อยๆ ยุบลงถึงแม้ว่าไม่ต้องทายา”

“ล่าสุดน้องพลานามัยแข็งแรงไม่เหมือนคนป่วย เป็นเด็กแจ่มใส อารมณ์ดี พิสูจน์ได้ว่า น้ำดื่มแอคทิเวท ช่วยสนับสนุนอนามัยน้องได้"

“ก่อนหน้านี้ ลูกชายคนโตเป็นไข้บ่อย ต้องพาไปหาคุณหมอทุกอาทิตย์ ปัจจุบันนี้ก็ให้ลูกนำน้ำดื่มแอคทิเวทไปดื่มที่โรงเรียนด้วยประจำวัน ฉันมีสุขมากก็เพราะว่าเขาไม่เป็นหวัดอีกแล้ว”
ปัจจุบันนี้บ้านคุณยุพาพรเป็นครอบครัวน้ำดื่มแอคทิเวท (Activated Water)เพราะดื่มทั้งครอบครัว

“มีอยู่ครั้งหนึ่งพริกกระเด็นเข้าตาเจ็บแสบมาก ดิฉันใช้วิธีการการลืมตาในACTIV120 ผลปรากฎว่าหายแสบสนิท”
“ไม้ต้นหน้าบ้านคล้ายมันใกล้จะตายใบเหี่ยวเฉาและเริ่มเหลือง ใช้น้ำดื่มแอคทิเวทไปรด 2-3 ครั้ง ดูว่าต้นไม้ฟื้นและเขียวสดใสขึ้นมา”



ที่มา : http://activated-water.easydrinkwater.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น